วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

technology

เทคโนโลยี 4.0
Thailand 4.0  (ไทยแลนด์ 4.0) เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ….ซึ่งกว่าจะมาเป็น Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 ) ก็ต้องผ่าน 1.0 2.0 และ 3.0 กันมาก่อน
  • Thailand 1.0 ( ไทยแลนด์ 1.0 ) ก็คือยุคของเกษตรกรรม คนไทยปลูกข้าว พืชสวน พืชไร่ เลี้ยงหมู เป็ด ไก่ นำผลผลิตไปขาย สร้างรายได้และยังชีพ
  • Thailand 2.0 ( ไทยแลนด์ 2.0)  ซึ่งก็คือยุคอุตสาหกรรมเบา ในยุคนี้เรามีเครื่องมือเข้ามาช่วย เราผลิตเสื้อผ้า กระเป๋า เครื่องดื่ม เครื่องเขียน เครื่องประดับเป็นต้น ประเทศเริ่มมีศักยภาพมากขึ้น
  • Thailand 3.0 ( ไทยแลนด์ 3.0 ซึ่งเป็นยุคปัจจุบัน ) เป็นยุคอุตสาหกรรมหนัก เราผลิตและขายส่งออกเหล็กกล้า รถยนต์ ก๊าซธรรมชาติ ปูนซีเมน เป็นต้น โดยใช้เทคโนโลยีจากต่างประเทศ เพื่อเน้นการส่งออกในช่วงแรก Thailand 3.0 ( ไทยแลนด์ 3.0 ) เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันกลับเติบโตเพียงแค่ 3-4% ต่อปีเท่านั้น ประเทศไทยจึงตกอยู่ช่วงรายได้ปานกลางมาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว ในขณะที่ทั่วโลกมีการแข่งขันที่สูงขึ้น เราจึงต้องเปลี่ยนสู่ยุค Thailand 4.0 ( ไทยแลนด์ 4.0 ) เพื่อให้ประเทศไทยได้มีโอกาสกลายเป็นกลุ่มประเทศที่มีรายได้สูงผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เทคโนโลยี 4.0 ปัจจุบัน
  • รู้จักกับ THAILAND 4.0 (4 นาที)

    ในปัจจุบันประเทศไทยยังติดอยู่ในโมเดลเศรษฐกิจแบบ “ทำมาก ได้น้อย” จึงต้องการปรับเปลี่ยนเป็น “ทำน้อย ได้มาก” ก็จะต้องเปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม” และเปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วย
    • ภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
    • อย่างการเกษตรก็ต้องเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีหรือ Smart Farming โดยเกษตรกรต้องร่ำรวยขึ้น และเป็นเกษตรกรแบบเป็นผู้ประกอบการ
    • เปลี่ยนจาก SMEs แบบเดิมไปสู่การเป็น Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูง
    • เปลี่ยนจากรูปแบบบริการแบบเดิมซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไปสู่บริการที่มีมูลค่าสูง
    • เปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้และทักษะสูง
    เทคโนโลยีล้าสมัย
  • เทคโนโลยล้าสมัย หมายถึง เทคโนโลยีที่เก่าสำหรับสมัยก่อนของบางอย่างที่ทันสมัยในยุคนั้นเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยสำหรับเด็กปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น
  • เครื่องวิทยุ AM /FN

  • ถึงปัจจุบันเราจะสามารถฟังวิทยุผ่านมือถือกันได้เเล้ว เเต่ทั้งในรถยนต์หรือร้านอาหารข้างทางธรรมดาๆ ก็ใช้วิทยุกันทั้งนั้นนะครับ เพราะบางทีเปิดมือถือมานั้นส่วนใหญ่ก็กดเกมเล่นกันไม่ก็อ่านเฟสบุ๊คทำให้วิทยุเหล่านี้ก็ยังขายได้อยู่ดีถึงจะน้อยก็ตาม
  • แหล่งที่มา https://www.online-station.net/movie/view/98550

ฝุ่น PM 2.5

PM2.5 คืออะไร

คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นั้นมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตร




พูดง่ายๆ คือ ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร แขวนลอยอยู่ในอากาศรวมกับไอน้ำ ควัน และก๊าซต่างๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าถึงจะเป็นเพียงฝุ่นละอองขนาดจิ๋ว แต่เมื่อมาแผ่อยู่รวมกันจะกินพื้นที่ในอากาศมหาศาล ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศปริมาณสูง เกิดเป็นหมอกควันอย่างที่เราเห็นกัน

ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่องค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญและออกมาแจ้งเตือนให้ทราบ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เส้นผมที่ว่ามีขนาดเล็กแล้ว เจ้า PM2.5 ยังเล็กกว่าเส้นผมถึง 20 เท่า ทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด และหลอดเลือดได้ง่าย ส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว
ฝุ่นละอองมาจากไหน
สาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองมีหลายปัจจัย เช่น โรงผลิตไฟฟ้า ควันท่อไอเสียจากรถยนต์ การเผาไม้ทำลายป่า เผาขยะ รวมถึงควันบุหรี่ด้วย ซึ่งปกติแล้วกิจกรรมต่างๆ ที่คนเราทำทุกวันก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นละอองใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่แหล่งต้นตอสำคัญของ PM2.5 ในบรรยากาศ คือ การเผาไหม้เชื้อเพลิงธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ และฝุ่นจากการก่อสร้าง

ตัวเมืองที่มีตึกสูงรายล้อมเหมือน “ กรุงเทพ ” จะมีลักษณะคล้ายๆ แอ่งกระทะ เกิดการสะสมของเจ้าฝุ่นร้ายได้ง่าย ซึ่งปกติฝุ่นเหล่านี้จะลอยขึ้นไปในอากาศ ถูกลมพัดฟุ้งกระจายไป แต่ถ้าวันไหนที่อากาศนิ่ง ไม่ค่อยมีลมพัด ฝุ่นละอองจะไม่ฟุ้งกระจาย ส่งผลให้ระดับความเข้มของฝุ่นในพื้นที่นั้นๆ สูงมากขึ้นจนกลายเป็นระดับที่อันตรายต่อสุขภาพ และเจ้าฝุ่นjavascript:void(null);ร้ายมักวนเวียนอยู่มากในช่วงกลางคืน แต่จะค่อยๆ จางหายไปเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นส่องสว่างในยามเช้า

มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไร?

ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นเจ้าฝุ่นร้ายที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไม่มีกลิ่น ขนาดเล็กจิ๋วมาก สามารถผ่านเข้าไปในร่างกายเราลึกได้ถึงถุงลมปอด บางส่วนสามารถเล็ดรอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเราได้
ความน่ากลัวของเจ้าฝุ่นร้ายนี้ คือ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ รบกวนสมดุลต่างๆ ของร่างกาย และกระตุ้นยีนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งสารอักเสบ ซึ่งมีอันตรายต่อเนื้อเยื่อในร่างกายของเรามาก แล้วส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา ดังนี้

  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง
  • กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • สำหรับผลระยะยาวจะทำให้การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และเพิ่มโอกาสทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ด้วย

ข้อแนะนำและวิธีป้องกันตนเองจากฝุ่นพิษ PM 2.5

  1. 1.  ลดการใช้ยานพาหนะส่วนตัว ส่งเสริมการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
  2. 2.  หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง เผาพื้นที่เพื่อเตรียมการทำเกษตรกรรม เผาขยะ หรือวัสดุเหลือใช้
  3. 3.  ควบคุมกระบวนการก่อสร้างให้มีฝุ่นน้อยที่สุด
  4. 4.  ออกกำลังกายในที่ร่ม ฝุ่นน้อยๆ และไม่ควรใส่หน้ากากอนามัยเวลาออกกำลังกาย
  5. 5.  รับประทานอาหารเสริม อาหารที่มีวิตามินซี และวิตามินอีสูง เช่น ถั่ว ปลา(มีโอเมก้า 3 มาก)
  6. 6.  ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่จำเป็นต้องออกข้างนอกบ้าน หรือที่โล่งแจ้ง ให้ใส่หน้ากากพิเศษชนิดที่เรียกว่า “เอ็นเก้าสิบห้า” โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบการหายใจหรือโรคหัวใจเรื้อรัง สำหรับคนทั่วไปอย่างน้อยให้ใส่ “หน้ากากอนามัย” โดยต้องใส่ให้ถูกต้องวิธี คือ หันด้านที่เป็นสีเขียวและเป็นมันออกด้านนอก ให้ส่วนที่มีแผ่นเสริมความแข็งแรงและช่วยการเข้ารูปอยู่ด้านบนของจมูก สังเกตรอยพับของผ้าด้านหน้าต้องพับลง หากใส่ผิดรอยพับจะกักเก็บฝุ่นละอองในรอยพับ ทำให้หายใจลำบาก

ประเภทของหน้ากากอนามัยและการเลือกใช้ให้เหมาะสม

  1. 1.หน้ากากอนามัยชนิดN95

    เป็นหน้ากากอนามัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้เป็นหน้ากากที่ได้มาตรฐานและได้รับการยอมรับว่าสามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน เหมาะสำหรับป้องกันมลพิษ ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่าง PM2.5 ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่างๆ
  2. 2. หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ3ชั้น

    หรือที่เรียกว่าหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาทั่วไป เน้นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจามจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้ แต่หากเป็นเชื้อไวรัสซึ่งมีอนุภาคเล็กระดับไมครอน อาจไม่สามารถป้องกันได้ จึงไม่เพียงพอหากต้องการป้องกันฝุ่นพิษ PM2.5 และควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่แนะนำให้ใช้ซ้ำ
  3. 3.หน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้าย

    javascript:void(null);
    ระดับความป้องกันไม่แตกต่างจากหน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ เน้นการป้องกันการกระจายของน้ำมูกหรือน้ำลายจากการไอจาม สามารถป้องกันฝุ่นละอองที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 ไมครอนขึ้นไป จึงไม่เหมาะกับการป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อดี คือ ประหยัด สามารถนำไปซักกับน้ำยาฆ่าเชื้อโรคแล้วนำลับมาใช้ใหม่ได้
สรุป  ฝุ่นละออง PM2.5 เป็นมลพิษต่ออากาศและร่างกาย ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ คือ หน้ากาก N95 ส่วนหน้ากากประเภทอื่นนั้น ช่วยป้องกันได้เพียงส่วนหนึ่ง และควรใส่ให้ถูกวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน แต่วิธีที่ดีสุด คือ การแก้ที่ต้นเหตุ ดังนั้น มาร่วมด้วยช่วยกันคืนอากาศบริสุทธิ์ให้พวกเราทุกคน โดยควบคุมเจ้าฝุ่นร้าย PM2.5 ไม่ให้เกินมาตรฐาน
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ฝุ่น pm 2.5

วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

โปรแกรม python


Python คืออะไร - ภาษา python ใช้ทําอะไร      Python คือชื่อภาษาที่ใช้ในการเขียนโปรแกรมภาษาหนึ่ง ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาโดยไม่ยึดติดกับแพลตฟอร์ม กล่าวคือสามารถรันภาษา Python ได้ทั้งบนระบบ Unix, Linux , Windows NT, Windows 2000, Windows XP หรือแม้แต่ระบบ FreeBSD อีกอย่างหนึ่งภาษาตัว นี้เป็น OpenSource เหมือนอย่าง PHP ทำให้ทุกคนสามารถที่จะนำ Python มาพัฒนาโปรแกรมของเราได้ฟรีๆโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และความเป็น Open Source ทำให้มีคนเข้ามาช่วยกันพัฒนาให้ Python มีความสามารถสูงขึ้น และใช้งานได้ครบคุมกับทุกลักษณะงานบทเรียน Python | VDO สอน Python    
โค้ดของ Python ถูกสร้างขึ้นมาจากภาษาซี การประมวลผลจะทำในแบบอินเทอร์พรีเตอร์ คือจะประมวลผลไปทีละบรรทัดและปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ Python เวอร์ชันแรกคือ  เวอร์ชัน 0.9.0 ออกมาเมื่อปี 2533 และเวอร์ชันปัจจุบันคือ 3.5  
 คุณลักษณะเด่นของภาษา Python
    1.สนับสนุนแนวแบบคิดออปเจกต์โอเรียนเทด หรือ OOP (Object Oriented Programming)    2.เป็น Open Source    3.โค้ดที่เขียนด้วย Python สามารถนำไปรันบนระบบปฏิบัติการได้หลากหลาย    4.สนับสนุนเทคโนโลยี COM ของ Ms-windows    5.Python รวมมาตรฐานการอินเตอร์เฟส Tkinter ซึ่งสนับสนุนบนระบบ X windows, Ms-windows และ Macintosh การใช้คำสั่ง Tkinter API ช่วยให้โปรแกรมเมอร์ไม่ต้องแก้ไขโค้ดเมื่อนำไปรันบนระบบปฏิบัติการอื่นๆ    6.เป็น Dynamic typing คือ สามารถเปลี่ยนชนิดข้อมูลได้ง่ายและสะดวก    7. มี Buil-in Object Types คือ โครงสร้างของข้อมูลที่สามารถใช้ได้ใน Python ประกอบด้วย ลิสต์, ดิกชันนารี, สตริง ที่ง่ายต่อการใช้งานและมีประสิทธิภาพสูง    8.มีเครื่องมือต่างๆ มากมาย เช่น การประมวลผลเท็กซ์ไฟล์ การเรียงข้อมูล การเชื่อต่อสตริง การตรวจสอบเงื่อนไขของข้อความ การแทนคำ เป็นต้น    9.มีมอดูลสำหรับจัดการ Regular Expresion    10.มีมอดูลที่สร้างขึ้นจากนักพัฒนาสนับสนุนมากมาย ได้แก่ COM, Image, CORBA, ORBs, XML เป็นต้น    11.จัดการหน่วยความจำอย่างอัตโนมัติ สามารถจักการพื้นที่หน่วยความจำที่ไม่ต่อเนื่องให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ    12.อนุญาตให้ฝังชุดคำสั่งของ Python เอาไว้ภายในโค๊ดภาษา C/C++ ได้    13.อนุญาตให้โปรแกรมเมอร์สร้าง Dynamic Link Libray (DLL) เพื่อใช้ร่วมกับ Python    14.มีมอดูลสนับสนุนเกี่ยวกับเน็ตเวิร์ก โปรเซส เธรด regular, expression, xml, GUI และอื่นๆ    15ประกอบด้วยมอดูลสำหรับสร้าง Internet Script และติดต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่าน Sockets, และทำหน้าที่เป็น CGI Script ตรอดจนใข้งานคำสั่ง FTP , Glopher, XML และอื่นๆอีกมาก    16.สามารถประมาลผมทางด้านวิยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ    17.มีฟังก์ชันสนับสนุนฐานข้อมูล เช่น MySQL, Sybase, Oracle , Informix, ODBC และอื่นๆ    18.มีไลบรารีสนับสนุนด้านการสร้างภาพกราฟฟิก เช่น ทำภาพเบลอ หรือภาพชัด หรือเขียนข้อความบนภาพ ตลอดจนบันถึกไฟล์ในรูปแบบต่างๆ ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ    19.มีไลบรารีสนับสนุนด้านปัญยาประดิษฐ์    20.มีไลบรารีสำหรับสร้างเอกสาร PDF โดยไม่ต้องติดตั้ง Acrobat Writer    21.มีไลบรารีสำหรับสร้าง Shockwaves Flash (SWF) โดยไม่ต้องติดตั้ง Macromedia Flash

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2561

final

     หลักการอ่านหนังสือ

1. อ่านบทสรุปก่อนเป็นอันดับแรก

        



        นักเขียนจำนวนไม่น้อยมักจะเปิดบทแรกของหนังสือด้วยภาษาที่ยืดยาว เข้าใจยาก และต้องตีความกันหลายชั้น และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้คน(ตั้งใจ)อ่านหลายคนตกหลุมพรางของความเหนื่อยหน่ายและเขวี้ยงหนังสือทิ้งไปด้วยความผิดหวัง ในเมื่อผู้อ่านเจอหลุมพรางอย่างกรณีนี้ละก็ เคล็ดลับคือ "กระโดดหลบหลุม" นี้เสีย เปิดไปที่บทสุดท้ายของหนังสือ และมองหาบทสรุป นักเขียนหนังสือที่ควรค่าเวลาอ่านของเราจะต้องรวบรวมข้อโต้แย้งหรือบทเรียนที่เรียบเรียงไว้อย่างครบครันในบทสรุป และส่วนใหญ่พวกเขาก็มักจะรวมตัวอย่างหรือหลักฐานที่พูดไปในบทต่างๆไว้อย่างย่อๆในหน้าท้ายๆอยู่แล้ว

   

2. ใช้ปากกาไฮไลท์

         





            หนึ่งในข้อผิดพลาดที่นักอ่านจำนวนไม่น้อยทำก็คือเลิกใช้ปากกาไฮไลท์ในการอ่านหนังสือ ส่วนมากจะเป็นเพราะพวกเขาไฮไลท์เกือบทั้งหน้าจนสุดท้ายไม่รู้จะไฮไลท์ไปทำไม แต่ความจริงแล้วเทคนิคการไฮไลท์หนังสือถือเป็นอาวุธชั้นเลิศของนักอ่านตัวยงเลยทีเดียว นักอ่านเร็วและจำแม่นต่างรู้ดีว่าการไฮไลท์ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้านั้นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะทำ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องเว้นทีละ 50 หน้าถึงจะไฮไลท์ที นักอ่านชั้นเซียนจะพยายามมองหาประเด็นหลักที่คนเขียนต้องการจะสื่อและไฮไลท์เฉพาะข้อความนั้นๆ ถ้าเจอประเด็นหรือตัวอย่างที่ซ้ำก็จะข้ามไป เทคนิคนี้จะช่วยให้ผู้อ่านคัดแยกแต่ประเด็นสำคัญของหนังสือให้โดดเด่นออกมาจากทั้งเล่ม เมื่อย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง พวกเขาจะสามารถสรุปใจความของหนังสือเล่มนั้นๆได้โดยใช้เวลาในการพลิกไปมาเพียงไม่กี่นาที
  


3. เขียนสรุป
          




           การเขียนอาจเป็นยาขมสำหรับใครหลายคน แต่มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้เราจดจำข้อมูลได้ในระยะเวลาสั้นๆ เคล็ดลับเด็ดในการจำหนังสือเล่มหนาๆ ได้ทั้งเล่มวิธีหนึ่งคือสรุปใจความทั้งหมดลงในกระดาษเอสี่หนึ่งแผ่น รวบรวมข้อโต้แย้งต่างๆ ของผู้เขียนไว้ในสองย่อหน้า รวมทั้งตัวอย่างสองสามตัวที่น่าสนใจ และที่สำคัญที่สุดคือให้เขียนสิ่งที่คุณไม่เห็นด้วยหรือสิ่งที่คุณคิดว่ามีแนวคิดอื่นที่ดีกว่าลงไป วิธีการนี้ให้ผลใกล้เคียงกับไฮไลท์ และจะดียิ่งกว่าถ้าคุณใช้ประกอบกัน เพราะเมื่อใกล้ถึงเวลาสอบ คุณจะสามารถสรุปเนื้อหาทั้งหมดได้ด้วยเพียงการทบทวนกระดาษหนึ่งหน้าที่คุณเขียนสรุปไว้






แนวทางการเข้าสู่อาชีพ
แนวทางการประกอบอาชีพ คณะครุศาสตร์/
คณะศึกษาศาสตร์   (ครู)
  
1.สาขาการศึกษาปฐมวัย เป็นสาขาซึ่งเตรียมครูสำหรับการศึกษาของเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบ 
2.สาขาประถมศึกษา เป็นสาขาซึ่งเตรียมครูสำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษา 
3.สาขามัธยมศึกษา เป็นสาขาซึ่งเตรียมครูสำหรับโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ในสาขาวิชาต่าง ๆ เช่น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา วิทยาศาสตร์ทั่วไป จิตวิทยาและการแนะแนว เทคโนโลยีการศึกษา และภาษาอังกฤษ เป็นต้น 
4.สาขาการสอนวิชาเฉพาะ เป็นสาขาซึ่งเตรียมครูวิชาเฉพาะ ได้แก่ พลศึกษา ศิลปศึกษา ดนตรีศึกษา ธุรกิจศึกษา สำหรับโรงเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา 
5.สาขาการศึกษานอกระบบโรงเรียน เป็นสาขาเพื่อเตรียมครูและบุคลากรทางการศึกษานอกระบบโรงเรียน 

คุณสมบัติของผู้เข้าศึกษา
 จบมัธยมศึกษาตอนปลายสายวิทยาศาสตร์ และสายศิลป์ เป็นผู้มีความขยันหมั่นเพียร มีความประพฤติดี และมีบุคลิกภาพที่เหมาะสมกับวิชาชีพ 

แนวทางในการประกอบอาชีพ บัณฑิตจากคณะนี้สามารถเลือกประกอบอาชีพได้กว้างขวางทั้งในระบบโรงเรียน เช่น เป็นครู อาจารย์ในโรงเรียน วิทยาลัยและมหาลิทยาลัย เป็นบุคลากรทางการศึกษา ทำงานเกี่ยวกับห้องสมุด งานแนะแนว โสตทัศนศึกษา และอื่น ๆ เป็นบุคลากรทางการศึกษานอกระบบโรงเรียน ทำงานในศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน เป็นนักวิชาการศึกษาทำงานในหน่วยงานทางการศึกษาต่าง ๆ ตลอดจนประกอบอาชีพอิสระตามความถนัดและความสนใจของตนเองได้ 





แนวทางการก้าวสู่ความเป็นครูมืออาชีพ
   
   1. ปฏิบัติตนให้มีความเหมาะสม  เป็นที่ยอมรับของทุกคนที่พบเห็นไม่ว่าจะอยู่ในโรงเรียนหรือในชุมชนที่ตนอยู่     2. ต้องศึกษาแนวทางการจัดการศึกษาของชาติ  นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ  นโยบายสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา  ตลอดจนทราบนโยบายของโรงเรียนของตนเอง  เพื่อเป็นแนวทาง  ทิศทางในการปฏิบัติงาน  การจัดกิจกรรมการเรียนรู้  การพัฒนาโรงเรียน  และพัฒนาผู้เรียนสู่เป้าหมายที่ถูกต้อง     3.  ต้องศึกษาพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักสูตรสถานศึกษาให้ชัดเจน นำมาออกแบบการเรียนรู้  จัดกระบวนการเรียนรู้  กำหนดการวัดประเมินผลการเรียนรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์/ทักษะต่างๆ     4.  ครูที่ดีจะต้องรู้จักผู้เรียน ว่าผู้เรียนแต่ละคนเป็นอย่างไร มีจุดเด่น  จุดที่ต้องพัฒนาอะไรบ้าง  ดังนั้น ครูต้องมีการวิเคราะห์ผู้เรียนเป็นรายบุคคล  เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสม  สอดคล้องกับศักยภาพของผู้เรียน     5. จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นทักษะกระบวนการ  มีกิจกรรมให้เด็กนักเรียนได้ฝึกคิด  ฝึกปฏิบัติ  มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ให้มากที่สุด  นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย  และสรุปองค์ความรู้ด้วยตนเองหรือกลุ่ม  โดยครูเป็นเพียงผู้ที่คอยให้คำแนะนำ  ดูแล  จัดหาสื่อการเรียนรู้  จัดแหล่งเรียนรู้     6.  กิจกรรมการเรียนรู้ควรมีการบูรณาการในกลุ่มสาระการเรียนรู้ของตนเอง  หรือบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่นๆ  เกี่ยวกับเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์กัน  คุณลักษณะที่พึงประสงค์  การวัดผลประเมินผล  ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนนำไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างสมบูรณ์     7.  จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นการวัดผลประเมินผลที่หลากหลายตามสภาพจริงของผู้เรียน โดยครูไม่ควรเน้นแต่การให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบแต่เพียงอย่างเดียว ควรมีการวัดผลประเมินผลโดยการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ การตอบคำถาม การแสดงความคิดเห็น  การอภิปรายหน้าชั้นเรียนของผู้เรียน การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำชิ้นงาน การจัดนิทรรศการการเรียนรู้ หรือแฟ้มสะสมงานของผู้เรียน     8.   ครูควรมีการจัดกิจกรรม  หรือดำเนินโครงการที่มุ่งเน้นพัฒนา   ผู้เรียนให้เกิดความรู้ ทักษะ หรือคุณลักษณะที่พึงประสงค์อย่างต่อเนื่อง  เช่น  กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน / สืบค้นความรู้จากแหล่งเรียนรู้ในโรงเรียนหรือชุมชน ตลอดจนกิจกรรมปลูกฝังให้ผู้เรียนรักและร่วมกันพัฒนาสิ่งแวดล้อมในโรงเรียน     9. ครูที่ดีควรมีการอบรม แนะนำพัฒนาผู้เรียน กำกับ ติดตาม  แก้ปัญหาอย่างต่อเนื่อง  ใช้การวิจัยช่วยในการแก้ปัญหาผู้เรียนในด้านต่างๆ     10. ครูต้องหมั่นศึกษา  พัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา  มีกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนครูทั้งในโรงเรียนของตนเอง โรงเรียนอื่นๆ  ตลอดทั้งชุมชนอย่างต่อเนื่อง 


วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เรื่อง International food


เปาะเปี๊ยะสด (เวียดนาม)

 เปาะเปี๊ยะสดเวียดนาม  แคลอรีต่ำ มีคุณค่าจากผักและโปรตีน 


     


ส่วนผสม เปาะเปี๊ยะ                             

    1.หมูสันใน 200 กรัม
    2.กุ้ง 200 กรัม    3.เส้นหมี่ลวก 200 กรัม    4.แครอท 1 ลูก    5.แตงกวา 1/2 ลูก    6.ผักกาดแก้ว 300 กรัม    7.ต้นกุยช่าย    8.แผ่นปอเปี๊ยะ

ส่วนผสมน้ำจิ้ม

     1.กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ     2.ซอสฮอยซิน 5 ช้อนโต๊ะ     3.น้ำซุป 5 ช้อนโต๊ะ     4.เนยถั่ว 1 ช้อนโต๊ะ     5.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา     6.น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิรีทำ

1.นำหมูไปต้มให้สุกก่อน
2.นำกุ้งไปต้มในน้ำซุปหม้อเดิม
3.นำเส้นหมี่มาต้ม
4.แครอท แตงกวา หั่นฝอย
5.จะนำมาห่อกัน
6.จัดเสิร์ฟ


กุ้งอบชีส (ฝรั่งเศษ)




ส่วนผสม

 1.กุ้งสด (ผ่าหลังดึงเส้นดำออก) 5 ตัว
 2.เนยสด (อุณหภูมิห้อง) 3 ช้อนโต๊ะ
 3.ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา
 4.เกลือ นิดหน่อย
  5.กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
  6.พริกไทยดำ นิดหน่อย
  7.ชีส มากน้อยตามใจชอบ

วิธีทำ

    1. นำเนยสด ต้นหอมซอย เกลือ กระเทียมสับ และพริกไทยดำผสมให้เข้ากัน โปะส่วนผสม
         เนยสดที่ตัวกุ้งตามใจชอบ ใส่ชีสตามลงไป
    2. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 10 นาที

       

สลัดแตงกวา (อินเดีย)

       จับมาทำสลัดแตงกวากันเถอะ ใส่หอมใหญ่กับมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยมะนาวและพริกไทย เพิ่มความหอมจากกระเทียม กินกับแป้งโรตี




ส่วนผสม

1. มะเขือเทศหั่นเต๋า แช่เย็นจัด 1 ลูก
 2.แตงกวาญี่ปุ่นหั่นเต๋า แช่เย็นจัด 1 ลูก
 3.หอมใหญ่หั่นเต๋า แช่เย็นจัด 1/2 หัว
 4.ผักชีซอย 1 ต้น
 5.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
 6.เกลือป่น เล็กน้อยสำหรับปรุงรส
 7.พริกไทยดำบด เล็กน้อยสำหรับปรุงรส
 8.น้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนโต๊ะ
 9. กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา
 10.แป้งโรตีทอดกรอบสำหรับรับประทานคู่

วิธีทำ
     1. ตีผสมน้ำมะนาว เกลือป่น และพริกไทยดำให้เข้ากัน ค่อย ๆ เติมน้ำมันมะกอก ตีผสมให้            เข้ากัน จากนั้นใส่กระเทียมลงคนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง เตรียมไว้
      2. ใส่มะเขือเทศ แตงกวาญี่ปุ่น และหอมใหญ่ลงในอ่างผสม ใส่น้ำสลัดที่เตรียมไว้และ                 ผักชีซอยลงเคล้าผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟคู่กับแป้งโรตีทอดกรอบ





       แหล่งที่มา              https://cooking.kapook.com








วันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

3 เทคโนโลยีในอนาคต

3 เทคโนโลยีในอนาคต
หุุ่นยนต์ เครื่องจักรใช้งานแทนมนุษย์ ที่ออกแบบให้สามารถตั้งลำดับการทำงาน การใช้งานได้หลากหลายหน้าที่ ใช้เคลื่อนย้ายวัสดุอุปกรณ์ ส่วนประกอบต่าง ๆ เครื่องมือหรืออุปกรณ์พิเศษ ตลอดจนการเคลื่อนที่ได้หลากหลาย ตามที่ตั้งลำดับการทำงาน เพื่อสำหรับใช้ในงานหลากหลายประเภท
อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ที่สวมใส่ได้  อุปกรณ์ที่มนุษย์สวมใส่ในปัจจุบันยังไม่มีความวิเศษอะไรมากมายนัก แต่เมื่อมีกระแสของ Google Glass และ Smart Watch มากขึ้น อุปกรณ์ที่มนุษย์สวมใส่กันในอนาคตจะกลายมาเป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ได้ทุกชิ้นอย่างแน่นอน
รถบินได้ 
Volocopter 2X เครื่องบินแท็กซี่ที่เราไม่ต้องโบกเรียกแท็กซี่บนถนนอีกต่อไป เพราะบริษัท E-volo ได้ออกแบบเครื่องบินแท็กซี่ที่ขึ้นลงจอดรับผู้โดยสารในแนวดิ่ง แถมยังขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Volocopter 2X เป็นนวัตกรรมที่ผสมผสานระหว่างโดรนรุ่น Volocopter VC200 ขนาด 18 ใบพัดกับ VTOL เครื่องบินขนาดเล็กที่มีรูปแบบการขึ้นบินและลงจอดในแนวดิ่ง โดยสามารถขับเคลื่อนได้ไกลถึง 27 กม. ในความเร็ว 69 กม/ชม. เมื่อบินในความเร็วคงที่ 50 กม/ชม. จะบินได้นานสูงสุดถึง 27 นาที แต่ในเวลาเร่งรีบ Volocopter 2X สามารถบินได้เร็วสุดถึง 100 กม/ชม. แต่ระยะเวลาในการบินก็จะลดลง

วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

Resume


My name is: Natcha Boonnak Nickname: Name My favorite color: Pink My favorite foods: noodles My favorite subject: Mathematics 15 years old Birthdate: September 21, 2002 Phone Number: 0873072826 No boyfriend



technology

เทคโนโลยี 4.0 Thailand 4.0    (ไทยแลนด์ 4.0) เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ….ซึ...